วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คิดสักนิด ! ตั้งสติกันสักหน่อย !!!

หลายสิบปีที่ผ่านมา เราใช้เงินกันเก่งขึ้น
ทั้งรูปแบบการใช้เงิน และช่องทางการใช้เงิน


ย้อนกลับไปสัก 20 กว่าปีก่อน
เราไม่มีร้านอาหารให้กินนอกบ้านเยอะเท่านี้
ตอนนี้ร้านรวงเต็มไปหมด ทั้งในและนอกห้าง
มื้อละพันบาทเป็นเรื่องปกติของคนเงินเดือนหลักหมื่น

ย้อนกลับไปสัก 20 กว่าปีก่อน
เรายังไม่มีค่าใช้จ่ายหลายช่องทางเท่าทุกวันนี้
เรายังไม่มีค่ามือถือให้ต้องจ่าย ไม่มีค่าอินเทอร์เน็ตให้ต้องเสีย

ไม่มีค่าสมาชิกรายเดือนต่าง ๆ นานาที่ต้องจ่ายประจำ
ไม่มีค่าดูดีในสายตาคนอื่นที่เราต้องจ่ายอีกมาก
เช่น มือถือรุ่นใหม่ รถแต่งสวย ๆ เสื้อผ้า กระเป๋า เช่าคอนโดกลางเมือง

หลายสิบปีที่ผ่านมา เราใช้เงินกันเก่งขึ้น
แต่เรากลับหาเงินกันเก่งเท่าเดิม ด้วยวิธีการเดิม
มีรายได้ทางเดียว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ลองคิดดูสิครับ รอบ 20 กว่าปีที่ผ่าน
คนส่วนใหญ่มีวิธีหาเงินใหม่ ๆ บ้างมั้ย?
ไม่มีแน่นอน

เรายังคิดในกรอบเรื่องการหาเงิน
แต่คิดนอกกรอบเรื่องการใช้เงินไปเรียบร้อยแล้ว
จินตนาการในการใช้เงิน วิ่งไวกว่าจินตนาการในการหาเงิน

จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่คนยุคนี้จะมีเงินเก็บ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรวย แค่เงินเก็บก็ยากแล้ว
ใครมีเงินเก็บหลักแสนนี่ไม่ธรรมดานะครับ
ทั้งที่ในความจริง เงินแสนใช้ไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว
แปลว่าคนยุคนี้ หยุดทำงานไม่ได้ หยุดแล้วจะเอาอะไรกิน?

กิจการไม่มี ที่ดินไม่มี ที่อยู่ก็เช่า
ลูกเต้าก็ไม่มี ทรัพย์สินก็ไม่มี

มีอย่างเดียวคือ "ชีวิต" แล้วเขาก็บอกว่า "ชีวิต ใช้ซะ!"
โอเค ใช้ก็ใช้ งั้นไปตายเอาดาบหน้าละกัน
เขาบอกว่า YOLO! You only Live Once
เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ไม่มีชาติหน้าสำหรับคนยุคนี้

ในเมืองที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า
ในสังคมที่เต็มไปด้วยโปรโมชั่นล่อใจ
ถ้าคิดไม่ทัน ก็ยากจนแบบไม่รู้ตัว
พูดง่าย ๆ เราจะกลายเป็นคนที่ "ดูดี แต่ไม่มีตังค์"

ตั้งสติสักนิด คิดอีกหน่อยว่า
ถ้าไม่ตายซะก่อน เราได้แก่แน่นอน
อีก 20 ปีข้างหน้า เราใช้เงินเก่งขึ้นแน่นอน
คำถามก็คือ แล้วอีก 20 ปีข้างหน้า เราหาเงินเก่งขึ้นหรือไม่?

ไม่ต้องตอบผมหรอกครับ
ตอบตัวคุณเองได้เลย

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สิ่งที่ความตระหนัก !! อะไรคืออนาคตของชาติที่แท้จริง !!!

ชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย !! 
พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาโดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนมันได้เพราะสูงมาก !

 แต่ทว่า !!  




 ภายในร้อยปีแรก หลังการสร้างกำแพงนั้น เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้ง!! 

 ในแต่ละครั้ง กองทัพบกของศัตรู ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพง หรือ ปีนมันเลยแม้แต่น้อย..!  

 แต่ทว่าในทุกครั้ง พวกเขาใช้วิธีติดสินบนยามเฝ้าประตู แล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ.  



 แน่นอนว่าชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง !!  

เพราะการสร้างคน !..
ต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง และนี่คือสิ่งที่คนหนุ่มสาวของพวกเราทุกวันนี้ ต้องตระหนักให้มาก !!!

นักบูรพาคดีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ถ้าท่านต้องการทำลาย อารยธรรมของประชาชาติหนึ่ง ประชาชาติใด มีขั้นตอนอยู่สามอย่างคือ:  

1.ทำลายครอบครัว !.
2.ทำลายการศึกษา !! 
3.ล้มบุคคลต้นแบบและตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา.  
   

เพราะเมื่อแม่ที่ฉลาด !!
ครูที่จริงใจและต้นแบบที่ดีหายไป!!!

แล้วจะมีใครเล่าที่จะมาคอยเฝ้าเลี้ยงดูต้นกล้าคือเยาวชนผู้ที่จะเป็นอนาคตของชาติให้มีคุณธรรมต่อไป??

ถึงเวลาหรือยัง ? ที่เราจะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับสถาบันที่ใกล้ตัวที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุด ที่หลายๆคนมักมองข้ามไป..